วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Part 5 : การรักษาสิวเชิงลึกและเทคโนโลยี

 


การรักษาสิวเชิงลึกและเทคโนโลยี: ทางเลือกทันสมัยเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การรักษาสิวเบื้องต้นอาจไม่เพียงพอสำหรับบางคน โดยเฉพาะสิวอักเสบรุนแรงหรือสิวที่เป็นเรื้อรัง ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์และหัตถการผิวหนังที่ช่วยรักษาสิวได้ตรงจุด บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีรักษาสิวเชิงลึก เช่น เลเซอร์ กดสิว ฉีดสิว ทรีตเมนต์ และยาควบคุมฮอร์โมน ว่าเหมาะกับใครบ้าง และมีข้อควรระวังอะไร


ทำไมบางคนต้องใช้การรักษาสิวเชิงลึก

แม้การดูแลผิวและการใช้ยาทาจะช่วยสิวได้ในระดับหนึ่ง แต่บางครั้งสิวยังกลับมาเป็นซ้ำ หรือมีลักษณะรุนแรง เช่น สิวซีสต์ สิวอักเสบลึก หรือสิวที่ทิ้งรอยชัดเจน การรักษาเชิงลึกจึงเข้ามามีบทบาทเพื่อควบคุมปัญหาสิวในระยะยาว


1. การกดสิว (Comedone Extraction)

  • วิธีพื้นฐานที่คลินิกใช้เพื่อเอาสิวอุดตันออกอย่างปลอดภัย

  • ใช้เครื่องมือปลอดเชื้อและทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดการอักเสบและป้องกันรอยแผลเป็น

  • เหมาะกับสิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวอุดตันที่ไม่ตอบสนองต่อยาทา

👉 ข้อควรระวัง: ไม่ควรกดสิวเองที่บ้าน เพราะเสี่ยงติดเชื้อและทำให้เกิดรอยสิว


2. การฉีดสิว (Corticosteroid Injection)

  • ใช้สารสเตียรอยด์ปริมาณต่ำฉีดเข้าไปที่สิวอักเสบก้อนใหญ่

  • ช่วยให้สิวยุบลงเร็วภายใน 1-2 วัน

  • มักใช้กับสิวอักเสบรุนแรง สิวหัวช้าง หรือสิวที่มีงานด่วน/โอกาสสำคัญ

👉 ข้อควรระวัง: ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น หากใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวบุ๋มหรือเกิดรอยด่างได้


3. เลเซอร์รักษาสิวและสิวอักเสบ

เทคโนโลยีเลเซอร์มีหลายประเภท โดยแต่ละชนิดมีบทบาทแตกต่างกัน เช่น

  • เลเซอร์ลดสิวอักเสบ (Pulse Dye Laser, Nd:YAG): ลดการอักเสบและเชื้อแบคทีเรีย

  • เลเซอร์รักษาสิวอุดตัน: ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน

  • เลเซอร์ลดรอยสิว (Fractional Laser, CO₂ Laser): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดหลุมสิวและรอยดำ

👉 ข้อดี: เห็นผลเร็ว ช่วยทั้งสิวและรอยสิวไปพร้อมกัน
👉 ข้อควรระวัง: ต้องทำต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ และผิวอาจไวต่อแสงแดดหลังทำ


4. IPL (Intense Pulsed Light)

  • ใช้แสงความเข้มสูงในการฆ่าเชื้อสิว ลดรอยแดงจากสิว

  • ช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบระดับปานกลางและรอยแดงจากสิว


5. Chemical Peeling (กรดผลไม้)

  • ใช้สารเคมี เช่น AHA, BHA, TCA ในความเข้มข้นที่เหมาะสม

  • ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

  • เหมาะสำหรับสิวอุดตัน สิวเสี้ยน และรอยดำตื้น ๆ

👉 ข้อควรระวัง: ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ หากใช้ผิดวิธีอาจทำให้ผิวไหม้หรือระคายเคืองรุนแรง


6. การใช้ยาควบคุมฮอร์โมน

  • ผู้หญิงบางรายที่มีสิวฮอร์โมน อาจได้รับการรักษาด้วย ยาคุมกำเนิด เพื่อลดความผันผวนของฮอร์โมน

  • ยากลุ่ม Anti-androgen (เช่น Spironolactone) ใช้ลดการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน

👉 วิธีนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ และไม่เหมาะสำหรับทุกคน


7. Isotretinoin (Roaccutane) ในระดับควบคุม

  • ยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการทำงานของต่อมไขมัน

  • ใช้รักษาสิวอักเสบรุนแรงหรือสิวที่ดื้อยา

  • ต้องติดตามผลเลือดและตรวจสุขภาพเป็นระยะ เพราะมีผลข้างเคียงต่อการทำงานของตับ ไขมันในเลือด และอาจทำให้ผิวแห้งมาก


8. การทำทรีตเมนต์เสริมอื่น ๆ

  • Oxygen Treatment: เติมออกซิเจนเข้าสู่ผิว ลดเชื้อสิว

  • LED Light Therapy: ใช้แสงสีฟ้าเพื่อลดเชื้อสิว แสงสีแดงเพื่อลดการอักเสบ

  • Phonophoresis / Iontophoresis: ช่วยให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกขึ้น


9. ข้อควรระวังในการรักษาสิวเชิงลึก

  • ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรทำเอง

  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ง่าย

  • หลังการทำหัตถการ ควรใช้กันแดดและสกินแคร์อ่อนโยนเพื่อปกป้องผิว


สรุป: ทางเลือกใหม่เพื่อผิวที่ดีขึ้น

การรักษาสิวเชิงลึกและเทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยให้คนที่มีสิวเรื้อรังหรือสิวอักเสบรุนแรงได้ผลลัพธ์เร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดแผลเป็น อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผิวหนัง เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด


👉 ใน Part 6: รอยสิวและการฟื้นฟูผิว เราจะมาต่อกันเรื่องการแก้ปัญหารอยสิว รอยดำ รอยแดง และหลุมสิว รวมถึงวิธีการฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง